หมอบี & หมอเบส ร่วมงาน DST Annual Meeting 2025 พร้อมรับเกียรติบรรยายให้กับสมาคมปลูกผมแห่งประเทศไทย (THSRS)
หมอบี ปลูกผม และหมอเบส เป็นแพทย์เฉพาะทางด้านการปลูกผมที่ได้รับการรับรองจาก 'สมาคม ABHRS' เป็นผู้ชำนาญด้านการปลูกผม....
สถาบันศัลยกรรมปลูกผม ดูแลเส้นผมแบบครบวงจร ให้บริการครอบคลุมทุกปัญหาเส้นผม โดยแพทย์เฉพาะทางด้านการปลูกผมอเมริกันบอร์ด ABHRS
ด้วยมาตรฐานการรักษาระดับสูง ทันสมัย ตอบโจทย์ทุกปัญหาเกี่ยวกับเส้นผมและหนังศีรษะ พร้อมใช้เทคนิคการปลูกผมเฉพาะบุคคล
และการออกแบบแนวผมอย่างเป็นธรรมชาติ ช่วยปรับบุคลิกให้สดใส ดูย้อนวัย เพิ่มความมั่นใจให้กับผู้รับบริการ
สถาบันด้านศัลยกรรมเส้นผมที่มุ่งเน้นให้บริการศัลยกรรมปลูกผม และการดูแลเส้นผมด้วยมาตรฐานการรักษาระดับสูง
ผ่านการสร้างสรรค์นวัตกรรมปลูกผมราวกับงานศิลปะชิ้นเอก
การเจาะย้าย Cell รากผม
โดยไม่ต้องผ่าตัดหนังศีรษะ
การใช้สารสกัดพลาสมาที่มีเกล็ดเลือดเข้มข้น ฉีดกระตุ้นรากผมเพื่อรักษาปัญหาผมร่วงบาง
แพทย์ประจำ BLS Hair Center
พร้อมรับสิทธิ์ตรวจสอบสภาพเส้นผม
หมอบี ปลูกผม และหมอเบส เป็นแพทย์เฉพาะทางด้านการปลูกผมที่ได้รับการรับรองจาก 'สมาคม ABHRS' เป็นผู้ชำนาญด้านการปลูกผม....
เทคนิค ปลูกผม Long Hair คืออะไร แล้วมีข้อดีอะไรบ้าง พร้อมรีวิวเคสจริงจากลูกค้า ที่จะทำให้คุณเข้าใจและมั่นใจในผลลัพธ์มากยิ่งขึ้น...
เทคนิคที่ไม่ต้องโกนผม กับเทคนิคที่ใช้เส้นผมที่แข็งแรงมาปลูกไว้ในบริเวณที่ดีที่สุด โดยหมอบีเลือกเทคนิค Non-Shaven FUE ....
เจาะลึกเทคนิคปลูกผม FUE และแชร์รีวิวเคสจริงจากผู้ที่ผ่านการ ปลูกผมผู้ชาย กับ “หมอเบส” แพทย์ผู้ชำนาญด้านการปลูกผมถาวร...
สำหรับผมที่ปลูกจะอยู่ได้ถาวร แต่ผมบริเวณอื่นที่ไม่ได้ทำการปลูกผม อาจจะมีการร่วงได้ตามอายุ กรรมพันธุ์และฮอร์โมนของคนไข้ ดังนั้นหลังปลูกผม แพทย์จะแนะนำให้ดูแลรักษาผมบริเวณที่ไม่ได้รับการปลูกร่วมด้วย
วิธีปลูกผมมีหลากหลายเทคนิค มีทั้งการปลูกผมแบบโกน และการปลูกผมไม่ต้องโกนผม คนไข้สามารถเลือกได้ ซึ่งข้อดีของการโกนผมก่อนปลูก หรือเทคนิค FUE จะช่วยให้แพทย์มองเห็นกราฟผมได้อย่างชัดเจน สามารถเลือกกราฟที่แข็งแรง มองเห็นรากผม ลดความเสี่ยงของการได้กราฟผมที่ไม่สมบูรณ์ แต่สำหรับใครที่ไม่ต้องการโกนผม ก็สามารถปลูกผมได้เช่นกัน เรียกการปลูกผมไม่ต้องโกน ว่าเทคนิค Non-Shaven FUE ซึ่งเทคนิคนี้แพทย์ต้องมีความชำนาญสูง เพราะต้องเลือกกราฟอย่างแม่นยำและหลังทำสามารถนำผมมาปิดรอยแผลได้ แบบไม่มีใครรู้ว่าปลูกผมมา ซึ่งที่ BLS Hair Center เป็นคลินิก ปลูกผม ที่จะดูแลตลอดการรักษาโดยแพทย์อเมริกันบอร์ด ที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญโดยเฉพาะ
สำหรับขั้นตอนการปลูกผม เริ่มแรกแพทย์จะทำการฉีดยาชาทั่วศีรษะ คนไข้จะรู้สึกถึงเข็มได้ แต่ผ่านไปสักพักเมื่อยาชาออกฤทธิ์ก็จะไม่รู้สึกตลอดการปลูกผม
ช่วงแรกหลังปลูกผม แนะนำให้ทานยาอย่างต่อเนื่องตามที่แพทย์สั่ง เพราะยาจะช่วยปรับเรื่องฮอร์โมน ส่งผลต่อการกระตุ้นการเกิดใหม่ของเส้นผมที่ปลูกและลดการหลุดร่วงของผมที่ไม่ได้ปลูก หากถามว่าต้องกินยาตลอดชีวิตไหม? ส่วนใหญ่แล้วหลังปลูกผม ไม่ต้องกินยาไปตลอดชีวิต ซึ่งแพทย์จะเป็นคนประเมินให้เป็นรายบุคคลขึ้นอยู่กับปัญหาของแต่ละคน
หลังปลูกผมสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ เพียงแค่เลี่ยงการทำกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมากๆ หรือทำให้ศีรษะอับชื้น เป็นระยะเวลา 2 สัปดาห์ หรือหากต้องการดัด ย้อมสีผม สามารถทำได้หลัง 1 เดือนเป็นต้นไป โดยใช้ผลิตภัณฑ์ออแกนิค จะส่งผลดีต่อคุณภาพเส้นผม และหนังศีรษะมากกว่า
สำหรับจำนวนกราฟผมที่จะปลูก คนไข้ต้องร่วมประเมินกับแพทย์ เพราะคำนวณจากพื้นที่บริเวณปลูกผมที่คนไข้และแพทย์ตกลงร่วมกัน ซึ่งแต่ละคนก็จะใช้จำนวนกราฟไม่เท่ากัน สำหรับ BLS Hair Center สามารถรับคำปรึกษาด้านการปลูกผม ประเมินกราฟผมเบื้องต้น จากหมอบี หมอปลูกผม อเมริกันบอร์ด ได้ฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
หลังปลูกผมสามารถมัดรวบผม ปล่อยผมได้ตามปกติ เพียงแค่ช่วง 1 เดือนแรกให้งดดัด งดย้อมผมด้วยเคมีเท่านั้น
การปลูกผมเป็นเพียงการย้ายเซลล์รากผมด้านหลังมาไว้บริเวณด้านหน้า หรือบริเวณที่เป็นปัญหา ส่วนเซลล์รากผมด้านหลังที่ทำการย้ายมาจะไม่มีผมขึ้นมาอีก ซึ่งจำนวนกราฟผมของแต่ละคนจะมีจำนวนจำกัด ใช้แล้วหมดไป ดังนั้นการปลูกผมแต่ละครั้ง แพทย์ต้องวางแผนและเลือกใช้กราฟผมอย่างคุ้มค่าที่สุด เพื่อไม่ทำให้ผมด้านหลังดูบาง และเผื่อในอนาคตคนไข้ต้องการปลูกผมเพิ่ม ก็จะมีผมให้สามารถนำมาปลูกได้
แพทย์จะประเมินว่าผมบางเกิดจากสาเหตุอะไร โดยแพทย์จะใช้วิธีส่องกล้องตรวจสอบสภาพเส้นผมและหนังศีรษะ เพื่อวิเคราะห์ปัญหา และหาแนวทางการรักษา ซึ่งมีหลายวิธี เช่น ฉีดกระตุ้นรากผม ผมร่วง ผมบาง ทานยา หรือการปลูกผม ขึ้นอยู่กับการวางแผนการรักษาของแพทย์
การปลูกผมแบบ DHI (Direct Hair Implantation) คือ วิธีการปลูกผมถาวรรูปแบบหนึ่งที่แพทย์จะเจาะนำเอากราฟผมจากหลังศีรษะ มาใส่เครื่องมือที่เรียกว่า DHI Implanter มีลักษณะคล้ายปากกา แล้วนำกราฟผมไปปลูกในบริเวณที่ต้องการ ทำให้แพทย์สามารถควบคุมทิศทางของกราฟผมได้ ง่ายต่อการปลูกผม กราฟไม่เสียหาย อีกทั้งยังให้ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติ
การปลูกผม FUE คือการเก็บกราฟผมโดยใช้เครื่องเจาะไฟฟ้า โดยเลือกกราฟผมที่แข็งแรงจากด้านหลังศีรษะ จากนั้นแพทย์จะนำกราฟผมใส่ลงในเครื่องมือ DHI Implanter ที่มีลักษณะคล้ายปากกา แล้วนำไปปลูกในบริเวณที่ต้องการ ซึ่งจริงๆ แล้ว DHI เป็นเพียงเครื่องมือช่วยในการปลูกผม FUE เท่านั้น
การปลูกผมแบบ FUE จะเป็นการใช้เครื่องเจาะไฟฟ้าเก็บกราฟผมบริเวณด้านหลังศีรษะ ซึ่งแพทย์ต้องมีความชำนาญ เนื่องจากการเจาะลงไปอาจทำให้รากผมเสียหายได้ ข้อดี คือ แผลเจาะเล็กมาก ทำให้พักฟื้นน้อย หรือแทบไม่ต้องพักฟื้นเลย แต่การปลูกผมแบบ FUT แพทย์จะทำการตัดหนังศีรษะด้านหลังเป็นแถบยาว แล้วนำมาคัดกราฟด้านนอก ข้อดี คือ จะได้ปริมาณกราฟผมเยอะ เหมาะกับคนที่ต้องใช้ปริมาณการปลูกผมที่มาก หรือ คนที่ผมบางมากๆ
แนะนำให้เข้ามาปรึกษากับแพทย์เฉพาะทางจะดีที่สุด เพราะแพทย์จะสอบถามถึงปัญหาและปัจจัยที่ทำให้เกิดศีรษะล้าน และวางแผนการรักษาอย่างถูกวิธี
การปลูกผมแต่ละวิธีมีราคาแตกต่างกัน เริ่มตั้งแต่หลักหมื่นไปจนถึงหลักแสน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวิธีการ สุขภาพหนังศีรษะและเส้นผมของคนไข้ แพทย์จะเป็นผู้ประเมินและตรวจสอบสุขภาพเส้นผม รวมถึงเลือกวิธีการปลูกผมที่เหมาะสม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับคนไข้
การทำ PRP ผม เป็นเพียงการเติมสารอาหารให้รากผมโดยตรง เพื่อกระตุ้นเซลล์รากผมให้แข็งแรง ลดการขาดหลุดล่วง ทำให้ผมเส้นใหญ่ แลดูหนาขึ้น แต่การทำ PRP ไม่สามารถทำให้เซลล์รากผมที่ตายแล้ว ฟื้นคืนกลับมาได้ จึงต้องทำการปลูกผมเท่านั้น
การทำ PRP ต้องทำอย่างต่อเนื่อง ในช่วงแรกแนะนำให้ทำเดือนละ 1 ครั้ง ติดต่อกัน 3-4 ครั้งขึ้นไป ซึ่งคนไข้จะเริ่มเห็นผลได้ตั้งแต่ครั้งแรก คือ ผมร่วงน้อยลง และผมจะค่อยๆ หนาขึ้นตามลำดับ โดยผลลัพธ์แต่ละคนจะใช้ระยะเวลาไม่เท่ากัน
ขั้นตอนการฉีด PRP ต้องเจาะเลือดออกมาประมาณ 20 cc หลังจากนั้นนำเลือดไปปั่นให้ได้พลาสม่าออกมา พร้อมกับผสมตัวยาพิเศษ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบำรุง ก่อนจะทำการฉีด PRP แพทย์จะฉีดยาชาให้ก่อน แล้วจึงฉีด PRP ผม บริเวณที่กังวล หรือเป็นปัญหา
แนะนำให้ดื่มน้ำเยอะๆ พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อความสะดวกในการเจาะเลือด และส่งผลต่อปริมาณพลาสม่าที่ปั่นได้ ช่วยให้ผลลัพธ์ของการทำ PRP ผม มีประสิทธิภาพดีขึ้น
หลังจากทำ PRP ครบจนดีขึ้นตามที่แพทย์ประเมินแล้ว ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้ 1-3 ปีตามอายุขัยของเส้นผม แต่แนะนำฉีดต่อเนื่องทุก 2-3 เดือน เพื่อคงสภาพความสมบูรณ์ของรากผมเอาไว้อย่างต่อเนื่อง ไม่ให้กลับไปหลุดร่วง และบางอีก
การทานยากลุ่มแอสไพริน หรือยากลุ่มละลายลิ่มเลือด ภายใน 48 ชั่วโมง จะทำให้เกล็ดเลือดไม่ทำงาน อาจส่งผลให้ผลลัพธ์ของทำ PRP ลดลงได้ แนะนำว่าควรปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มการรักษา
การทำ PRP จะใช้เลือดของคนไข้เอง โดยจะเจาะเลือดคนไข้ แล้วนำไปใส่เครื่องปั่นแยกเกล็ดเลือดออกจากพลาสม่า แพทย์ถึงจะนำมาฉีดบริเวณหนังศีรษะ ช่วยในการซ่อมแซมเซลล์ (Growth Factor) ให้เซลล์รากผมแข็งแรงขึ้น ลดปัญหาผมร่วง ผมบาง และยังช่วยบำรุงเซลล์รากผม ให้เส้นผมมีขนาดใหญ่ขึ้นและมีความหนาแน่นมากขึ้น
คนไข้ที่ได้รับการปลูกผม แพทย์จะแนะนำให้ฉายแสง LED Hair Growth เพราะคลื่นแสง LLLT (Low Level Laser Therapy) นี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพหลังปลูกผม เพื่อผลลัพธ์ที่ดีมากยิ่งขึ้น โดยคลื่นแสงจะช่วยกระตุ้นรากผมให้แข็งแรง ทั้งผมที่เพิ่งปลูกและผมเดิม ลดอาการบวมจากการปลูกผม อีกทั้งยังเพิ่มอัตราการเกิดใหม่ของเส้นผม และป้องกันการหลุดร่วงของเส้นผมหลังปลูกอีกด้วย
แสงจากตัวเครื่องจะช่วยกระตุ้นรากผมที่อ่อนแอให้กลับมาแข็งแรงได้อีกครั้งด้วยคลื่นพลังงานของเทคโนโลยี LED Hair Growth กระตุ้นการไหลเวียนเลือด และสร้างคอลลาเจน ทำให้รากผมฟื้นตัวและกลับมาแข็งแรงอีกครั้ง
สามารถทำได้ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่บุคคล ต้องได้รับการวิเคราะห์แนวทางการรักษาจากแพทย์ร่วมด้วย
ก่อนเข้ารับการรักษา แนะนำให้คนไข้สระผมก่อนทำทุกครั้ง ซึ่งทาง BLS Hair Center มีบริการสระผม เพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับคนไข้ด้วย
เทคนิคพิเศษลิขสิทธิ์เฉพาะที่ BLS Hair Center ปลูกผมโดยไม่ต้องรื้อรากผมหรือโกนรากผมด้านหลัง
โปรแกรมการดูแลเส้นผมและหนังศีรษะประจำตัวบุคคลในระยะยาว
บริการด้วยอุปกรณ์ทางการแพทย์ ที่มีคุณภาพได้มาตรฐานระดับสากล มีการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อก่อนและหลังทำทุกครั้ง
บริการรักษาและให้คำแนะนำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผมและหนังศีรษะโดยเฉพาะ
พร้อมรับสิทธิ์ตรวจสอบสภาพเส้นผม ฟรี
พร้อมรับสิทธิ์ตรวจสอบสภาพเส้นผม ฟรี