ปลูกผม FUE แก้ผมบาง ผมหนาขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
โดยไม่ต้องผ่าตัด
HIGHLIGHTS :
ปลูกผม FUE (Follicular Unit Extraction) คือการเจาะเซลล์รากผมจากบริเวณท้ายทอยด้านหลังศีรษะ หรือเรียกว่า Safe Zone เป็นโซนที่เส้นผมมีความแข็งแรง ไม่หลุดร่วงง่าย และทำการย้ายมาปลูกผมบริเวณด้านหน้า แก้ปัญหาหน้าผากกว้าง ผมบาง ศีรษะล้าน ผมบริเวณหน้าผากร่นขึ้นไปเป็นรูปตัว M หรือปัญหารอยแสกผมกว้าง
ชมวิดีโอ FUE FUT DHI เทคนิคปลูกผมแต่ละแบบต่างกันอย่างไร
หัวข้อที่น่าสนใจ
ปลูกผม FUE คืออะไร?
ปลูกผม FUE คือ เทคนิคปลูกผมถาวรโดยการย้ายเซลล์รากผมที่อยู่ในลักษณะเป็น ‘เส้นผม’ ออกจากบริเวณ Safe Zone ด้วยเครื่องมือพิเศษที่ใช้ในการเจาะรากผมโดยเฉพาะ เพื่อนำเข้าสู่ขั้นตอนการคัดเลือกกราฟผมที่มีคุณภาพดี ซึ่งมีเส้นผมแข็งแรง (โดยปกติแล้ว กราฟผม 1 กราฟ จะประกอบด้วยกลุ่มเส้นผมที่อยู่รวมกันประมาณ 1-4 เส้น ในรูขุมขนเดียว ยิ่งใน 1 กราฟผม มีจำนวนผม และความอวบของเส้นผมมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งบ่งบอกถึงคุณภาพของกราฟผม) และมีการคัดอย่างละเอียดอีกครั้งด้วยกล้องจุลทรรศน์ กราฟผมที่ได้จึงมีความสมบูรณ์และแข็งแรงที่สุด จากนั้นจึงนำกราฟผมที่คัดเลือกมาปลูกผมในบริเวณที่ต้องการรักษา วิธีนี้ไม่ต้องผ่าตัดบริเวณหนังศีรษะ ทำให้รอยแผลเล็กมาก ขนาดเท่ากับรูขุมขนเท่านั้น และยังใช้เวลาพักฟื้นน้อยอีกด้วย
ข้อดีของการปลูกผม FUE
การปลูกผม FUE เป็นเทคนิคการปลูกผมถาวรใหม่ล่าสุด ที่กำลังเป็นที่นิยม เพราะเห็นผลจริง และผลลัพธ์อยู่ได้ถาวร นอกจากนี้ยังมีข้อดีอีกมากมายที่ทำให้คนไข้เป็นจำนวนมากประทับใจผลลัพธ์และต่างบอกต่อ
- เทคนิคปลูกผม FUE เจ็บน้อย พักฟื้นน้อย ปลูกผมแล้วสามารถไปทำงานได้ในวันต่อไปเลย ไม่ต้องลางาน
- รอยแผลเล็กกว่า 1 มิลลิเมตร มีขนาดเพียงแค่รูขุมขน หรือแทบไม่เห็นรอยแผลเลย
- หลังผ่าตัด 1 วัน สามารถสระผมได้
- มีความปลอดภัยสูง เพราะใช้เซลล์รากผมของตัวผู้รับบริการเอง จึงไม่ทำให้เกิดผลข้างเคียง
ปลูกผม FUE เหมาะกับใคร?
- ผู้ที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง ผมเว้าลึก ศีรษะเถิก ศีรษะล้าน
- ผู้ที่มีภาวะผมบาง ผมร่วง หรือลักษณะหัวล้านจากพันธุกรรม และฮอร์โมน
- ผู้ที่ต้องการแก้ปัญหาหน้าผากกว้าง อยากปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วน ดูละมุนขึ้น
- ผู้ที่มีปัญหาไรผม หรือแนวผมอยู่สูงเกินไป
- ผู้ที่มีภาวะผมร่วง ผมบางจากเซลล์รากผมฝ่อตัวลง
- ผู้ที่ต้องการแก้ปัญหาผมร่วง ผมบางโดยไม่ผ่าตัด
- ผู้ที่ต้องการปลูกผมถาวร โดยที่แผลมีขนาดเล็ก แผลหายเร็ว และพักฟื้นน้อย
ปรึกษาปัญหาผมร่วง ผมบาง กับแพทย์เฉพาะทางปลูกผม อเมริกันบอร์ด
ประจำ BLS Hair Center พร้อมรับสิทธิ์ตรวจสภาพเส้นผม ฟรี! คลิกเลย
ผมร่วง ผมบาง เกิดจากอะไร?
ผมร่วง ผมบาง เชื่อว่าเป็นปัญหาที่หลายคนคุ้นเคยเป็นอย่างดี เพราะปัญหานี้เกิดได้กับทุกเพศ ทุกวัย ทั้งในคนอายุน้อย ช่วงประมาณ 20 ปีขึ้นไป หรือคนมีอายุ ด้วยสภาพแวดล้อมที่กดดัน และความตึงเครียดในชีวิตประจำวัน อาจทำให้เกิดภาวะเครียดสะสมได้ง่าย ส่งผลให้เกิดปัญหาผมร่วง ผมบางตามมา แต่สาเหตุหลักๆ ที่ทำให้เกิดปัญหาผมร่วง ผมบาง คืออะไร? ไปหาคำตอบกับ BLS Hair Center กัน
รู้จัก ‘วงจรเส้นผม’ (Hair Cycle)
เส้นผมของคนเรามีประมาณ 100,000 เส้น และยาวขึ้นประมาณ 0.5-1 เซนติเมตร โดยเฉลี่ยต่อเดือน โครงสร้างของเส้นผม แบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ ส่วนที่งอกพ้นจากหนังศีรษะ (Hair Shaft) หรือเส้นผมที่ปกคลุมหนังศีรษะ และส่วนของรากผม ที่ฝังอยู่ในเนื้อเยื่อของหนังศีรษะ (Hair Root) จะมีต่อมรากผม ซึ่งประกอบด้วยปุ่มปลายแหลม ที่มีเลือดและเส้นประสาทหล่อเลี้ยง ทำหน้าที่กระตุ้นเซลล์รากผมให้เกิดการแบ่งตัว ทำให้เซลล์ผมเกิดใหม่เรื่อยๆ จึงมีความสำคัญมากต่อการเจริญเติบโตของเส้นผม โดยปกติต่อมรากผม มีประมาณ 5 ล้านต่อม และจะลดลงเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น
วงจรเส้นผม มีทั้งหมด 3 ระยะ
- ระยะเติบโต (Anagen phase)
เส้นผมอยู่ในระยะเจริญเติบโต นานประมาณ 2-8 ปี ยิ่งต่อมรากผมอยู่ในระยะเติบโตนานเท่าไหร่ ก็จะยิ่งมีเวลาในการผลิตเส้นผมได้ยาวนานขึ้นเท่านั้น แต่หากเส้นผมอยู่ในระยะนี้น้อยลง จะทำให้เส้นผมหลุดร่วงเร็วขึ้น จนอาจส่งผลให้เกิดภาวะผมบาง หนังศีรษะล้านได้ง่าย - ระยะหยุดเติบโต (Catagen phase)
เส้นผมอยู่ในระยะหยุดเติบโต ใช้เวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์ เป็นระยะของการพัก ไม่มีการสร้างเส้นผม หลังจากนั้นเส้นผมก็จะเข้าสู่ระยะหลุดร่วง - ระยะหลุดร่วง (Talogen Phase)
เส้นผมอยู่ในระยะหลุดร่วง นานประมาณ 2-3 เดือน ขึ้นอยู่กับลักษณะทางกรรมพันธุ์และความหนาแน่นของเส้นผม เป็นระยะที่เส้นผมหลุดออกจากต่อมรากผม แต่หลังจากนั้นก็จะมีเส้นผมเกิดใหม่จากต่อมรากผม และเจริญเข้าสู่ระยะเติบโตของเส้นผมต่อไป วนเวียนเป็นวัฏจักรหรือวงจรเส้นผม
ฮอร์โมน ส่งผลให้เกิดภาวะผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้านได้อย่างไร?
ตอนเด็กๆมักจะมีคนทักว่า ผมเยอะจัง ผมหนาจัง เวลาหวีผมแรงๆ ผมก็ไม่ค่อยร่วง แต่เมื่อเราโตขึ้นจะรู้ได้ว่าแค่เอามือเสยผม เส้นผมก็หลุดติดมือแล้ว นั่นเป็นเพราะฮอร์โมนเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง สังเกตได้จากเสียงที่เริ่มเปลี่ยนทั้งของผู้หญิงและผู้ชาย ซึ่งเส้นผมมีวงจรชีวิต “ขึ้น หยุด ร่วง” วนไปเรื่อยๆ แต่เมื่อฮอร์โมนเริ่มเปลี่ยนแปลง จะทำให้ระยะเวลาหยุดพักของเส้นผมนานขึ้น โดยเฉพาะฮอร์โมน DHT เป็นฮอร์โมนหลักที่ทำให้เกิดภาวะผมร่วง ผมบาง
ฮอร์โมน DHT หรือฮอร์โมนไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (Dihydrotestosterone) เป็นฮอร์โมนเพศที่ทำหน้าที่พัฒนาและควบคุมลักษณะเพศชาย เช่น ทำให้เสียงทุ้ม องคชาติและถุงอัณฑะเจริญเติบโต บำรุงต่อมลูกหมาก กระตุ้นการสร้างเส้นขนบริเวณใบหน้าและร่างกาย รวมถึงคอยปรับสมดุลฮอร์โมนที่ช่วยให้เส้นผมเจริญเติบโต
หากมีฮอร์โมน DHT มากเกินไป DHT จะเข้าไปจับกับ Androgen receptor บริเวณรากผม ทำให้วงจรผมเปลี่ยนแปลงไป ส่งผลให้ผมมีระยะเติบโต (Anagen phase) ที่สั้นลง และเข้าสู่ระยะหยุดเติบโต (Catagen phase) นานขึ้น เส้นผมที่โดนยับยั้งการเจริญเติบโต ทำให้ผมไม่งอก รากผมสร้างเส้นผมได้สั้นลง เส้นผมเล็กและบางลง ผมร่วงฉับพลัน ทำให้เกิดปัญหาผมบางตามมา จนเมื่อเวลาผ่านไป รากผมจะเกิดสภาวะฝ่อตัว และไม่สามารถทำหน้าที่สร้างผมได้อีกต่อไป โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาผมร่วงจากกรรมพันธุ์ หรือหัวล้านกรรมพันธุ์เป็นทุนเดิม ฮอร์โมน DHT ก็จะยิ่งกระตุ้นให้ผมร่วงหนักขึ้น จนเป็นเหตุให้เกิดปัญหาศีรษะล้านตามมา
หัวล้านกรรมพันธุ์ หรือ ผมร่วงจากกรรมพันธุ์ เป็นอย่างไร?
กรรมพันธุ์หรือพันธุกรรม เป็นตัวกำหนดรูปร่างหน้าตาไปจนถึงโรคต่างๆ รวมถึงเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดปัญหาผมร่วง ผมบาง สังเกตง่ายๆ ว่าหากมีสมาชิกในครอบครัวที่มีปัญหาผมบาง ศีรษะล้าน อาการเหล่านี้สามารถส่งต่อผ่านทางกรรมพันธุ์ มาถึงตัวเรา อาจทำให้มีภาวะหัวล้านกรรมพันธุ์ หรือ ผมร่วงจากกรรมพันธุ์ได้
ผมร่วงจากยา หรือ สารเคมี
สาเหตุที่ทำให้ผมร่วง ผมบาง นอกจากพันธุกรรม หรือฮอร์โมน ยังอาจเกิดจากยา หรือสารเคมี เพราะหลายคนมักเริ่มต้นรักษาปัญหาเส้นผม ด้วยการทานยาหรือใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม แต่อาจลืมคำนึงถึงอาการแพ้ยา หรือ Side Effect หลังใช้ยาและผลิตภัณฑ์บำรุงผม รวมถึงยังมีตัวยาหลายชนิดที่ทำให้เกิดปัญหาผมร่วง ผมบางได้ ดังนั้นจึงควรตรวจสอบยาหรือผลิตภัณฑ์ให้ดีก่อนใช้งาน เพื่อป้องกันการแพ้ยา หรือปรึกษาแพทย์ที่ชำนาญด้านเส้นผมโดยตรง จะเป็นวิธีที่ดีและปลอดภัยที่สุด
ข้อแตกต่างระหว่างเทคนิคปลูกผม FUE และเทคนิคปลูกผม FUT
เทคนิคปลูกผม FUE จะใช้เครื่องมือเจาะไฟฟ้าในการเจาะรากผม เพื่อนำไปปลูก ทำให้ไม่ต้องผ่าตัด แต่การปลูกผม FUT ใช้วิธีการตัดหนังศีรษะชั้นบนบางส่วนจากท้ายทอยพร้อมกับรากผม ซึ่งจะทำให้ได้จำนวนกราฟผมมากถึง 3,000 – 4,000 กราฟ แต่ไม่สามารถเลือกรากผมได้ ในขณะที่เทคนิคปลูกผม FUE สามารถเลือกจำนวนและคุณภาพกราฟได้ ซึ่ง FUT จะเหมาะกับคนที่ต้องปลูกผมจำนวนมาก หรือคนที่มีผมด้านหลังหนา แต่ FUE จะเหมาะกับคนที่ต้องการผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ
โดยระยะเวลาในการปลูกผม FUT ใช้เพียง 3-5 ชั่วโมง แต่เทคนิคปลูกผม FUE จะใช้เวลา 5-6 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับจำนวนกราฟที่ปลูก โดยใช้อุปกรณ์ DHI (Direct Hair Implantation) ช่วยเพิ่มความแม่นยำและประหยัดเวลาในการปลูกผมได้ นอกจากนี้รอยผ่าตัดจากการปลูกผม FUT จะมีรอยเป็นเส้นตรงด้านหลัง แต่เทคนิค FUE จะไม่มีแผล เพราะรอยเจาะจะเป็นเพียงจุดเล็กๆ กระจายทั่วศีรษะด้านหลังเท่านั้น
ขั้นตอนการปลูกผม FUE ที่ BLS Hair Center
1. วางแผนการรักษา เพื่อแก้ปัญหาเส้นผมและหนังศีรษะอย่างรอบด้าน
2. ออกแบบแนวผมร่วมกับแพทย์ เพื่อผลลัพธ์ของทรงผมที่เหมาะกับแต่ละบุคคล
3. เลือกตำแหน่งที่มีรากผมแข็งแรงบริเวณท้ายทอย (Safe Zone)
4. โกนผมบริเวณ Safe Zone ให้สั้นลง เพื่อให้แพทย์สามารถวาดแนวหนังศีรษะที่จะทำการเจาะผิวหนังได้สะดวก
- ฉีดยาชาบริเวณหนังศีรษะตลอดแนวที่วางแผนไว้ จากนั้นรอยาชาออกฤทธิ์ ผู้รับบริการจะไม่รู้สึกเมื่อมีการสัมผัสหนังศีรษะตลอดการทำหัตถการ
- แพทย์จะใช้เครื่องมือพิเศษ เจาะนำเซลล์รากผมจากบริเวณที่วางแผนและคำนวณไว้ออกมา (อุปกรณ์เจาะ มีขนาดเล็กเพียง 0.8 มิลลิเมตร)
- นำเซลล์รากผมที่ได้มาแช่ในน้ำยาแช่กราฟผม เพื่อรักษารากผมให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์
- แพทย์จะใช้กล้องจุลทรรศน์ตรวจสอบความสมบูรณ์ของเซลล์รากผมที่นำออกมา จากนั้นจึงนำไปทำการปลูกในบริเวณที่ต้องการรักษา
ปรึกษาปัญหาผมร่วง ผมบาง กับแพทย์เฉพาะทางปลูกผม อเมริกันบอร์ด
ประจำ BLS Hair Center พร้อมรับสิทธิ์ตรวจสภาพเส้นผม ฟรี! คลิกเลย
ระยะเวลาในการทำหัตถการ
- ประมาณ 6-10 ชั่วโมง
อาการที่อาจพบหลังปลูก (มีโอกาสเกิดขึ้นน้อยกว่า 1%)
- มีสิวบริเวณที่ปลูก
- มีอาการบวมบริเวณหน้าผากได้เล็กน้อย 2- 3 วัน ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล
ระยะเวลาในการพักฟื้น
- ใช้เวลาเพียง 1 วันในการพักฟื้น
- สระผมที่คลินิก หลังผ่าตัด 1 วัน หลังจากนั้นสามารถสระผมได้ด้วยตัวเอง
- แผลหายสนิท ใช้เวลาประมาณ 10 วัน
ผลลัพธ์หลังปลูกผม FUE
- หลังปลูกผมช่วงแรกๆ จนถึง 2 สัปดาห์ ยังอาจมองเห็นสะเก็ดบริเวณที่ทำหัตถการได้อยู่บ้าง
- หลังทำ 1-2 เดือน ผมเริ่มหลุดร่วงตามธรรมชาติของวงจรเส้นผม
- หลังทำ 4-6 เดือน ผมค่อยๆ ขึ้นกว่า 60%
- หลังทำประมาณ 1 ปี ผมขึ้นอย่างเต็มที่ แนวผมดูดีตามที่ออกแบบไว้
เตรียมตัวอย่างไร ก่อนไปปลูกผม
- หากมีโรคประจำตัว ที่ต้องรับประทานยาละลายลิ่มเลือด ให้แจ้งแพทย์ก่อนเสมอ และควรปรึกษาแพทย์โรคประจำตัว รวมถึงบางเคสที่มีอาการแพ้ยา หรือแพ้อาหาร ควรแจ้งก่อนเข้ารับการปลูกผม
- งดรับประทานวิตามินและอาหารเสริม (Vitamin E, Fish Oil, Gingo) ในช่วง 1 สัปดาห์ก่อนปลูกผม
- แนะนำให้มาถึงคลินิก ก่อนเวลานัด ประมาณ 1 ชั่วโมง เพื่อรับคำปรึกษาจากแพทย์ปลูกผมอีกครั้ง
- ควรสระผมในคืนก่อนปลูกผม ด้วยยาสระผมฆ่าเชื้อ (Hibiscrub สีชมพู)
- แจ้งให้แพทย์ทราบล่วงหน้า ถึงโรคประจำตัว และควบคุมให้อยู่ในสภาวะคงที่ 1 เดือนก่อนเข้ารับการปลูกผม
- งดดื่มแอลกอฮอล์ และงดสูบบุหรี่ก่อนผ่าตัดประมาณ 1 สัปดาห์
- ก่อนเข้ารับการปลูกผม 1-2 วัน สามารถตัดผม ทรงรองทรงสูงได้
- วันนัดปลูกผม แนะนำให้สวมเสื้อเชิ้ต หรือเสื้อที่มีกระดุมด้านหน้า เพื่อให้เกิดความสะดวกหลังการปลูกผม
วิธีดูแลตัวเองหลังปลูกผม
- หลีกเลี่ยงการแกะสะเก็ดแผล หรือระวังไม่ให้กระทบกระแทกบริเวณที่ทำการปลูกผม ในช่วง 1 สัปดาห์หลังปลูก
- ป้องกันภาวะบวมของใบหน้าหลังปลูกผม โดยพยายามเลี่ยงการก้มหน้า
- เลี่ยงการออกกำลังกายหนัก 1 สัปดาห์ เพื่อไม่ให้เกิดเหงื่อบริเวณปลูกผม
- พ่นสเปร์ยน้ำเกลือที่ทางคลินิกจัดให้ ทุก 1 ชั่วโมง (ยกเว้นเวลานอน) เป็นเวลา 5 วัน
- หลังทำ 1 วัน เข้าไปติดตามผล และสระผมที่คลินิก หลังจากนั้นสามารถสระผมเองได้ทุกวัน วันละ 1 ครั้ง
- ทานยาแก้ปวด และยาฆ่าเชื้อ ตามที่แพทย์จัดให้
- ทานยากระตุ้นเส้นผม เพื่อผลลัพธ์ที่ดี ตามคำแนะนำของแพทย์
- งดดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ หลังทำประมาณ 2 สัปดาห์
- งดว่ายน้ำ 1 เดือน
- หลีกเลี่ยงการดำน้ำ และอยู่ในที่ร้อนจัด หรือเย็นจัด หลังทำประมาณ 4 เดือน
- กรณีที่ต้องการตัดผมหลังปลูก สามารถตัดผมได้ หลังปลูกผมแบบ FUE 2 อาทิตย์ และแบบ FUT 1 เดือน
- ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อผลลัพธ์ออกมาดี เส้นผมขึ้นใหม่สวยงาม เป็นธรรมชาติตามที่ต้องการ
ปลูกผม FUE ที่ไหนดี? Check List ข้อดีของการปลูกผม FUE
ที่ BLS Hair Center
- ดูแลโดยแพทย์เฉพาะทาง : ผู้รับบริการปลูกผมที่ BLS Hair Center ทุกเคสจะได้รับการรักษาและให้คำปรึกษาโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผมและการปลูกผมโดยเฉพาะ ภายใต้มาตรฐานการปลูกผมของหมอบี แพทย์เฉพาะทางด้านการปลูกผมอเมริกันบอร์ด หรือ American Board of Hair Restoration Surgery (ABHRS) หน่วยงานที่จัดตั้งขึ้นเพื่อรับรองคุณสมบัติและประสบการณ์ของแพทย์ปลูกผมโดยเฉพาะ สามารถการันตีความสามารถด้านการปลูกผมของหมอบีในระดับสากล นอกจากนี้หมอบี ยังได้รับเลือกให้เป็นคณะกรรมการคุมสอบ ศัลยแพทย์ปลูกผมอเมริกันบอร์ด (ABHRS Examiner) ซึ่งในประเทศไทยมีเพียง 3 ท่านเท่านั้น และล่าสุดหมอบียังได้รับวุฒิบัตรจาก IBHRS (International Board of Hair Restoration Surgery) สมาคมศัลยกรรมปลูกผมนานาชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลก รับรองการเป็นแพทย์เฉพาะทางด้านการปลูกผมที่ทั่วโลกให้การยอมรับว่าเป็นหมอศัลยกรรมด้านการปลูกผมที่มีคุณภาพมาตรฐานสูงในปัจจุบัน (IBHRS) อีกด้วย
สนใจปลูกผม ที่ BLS Hair Center หรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับหมอปลูกผม อเมริกันบอร์ด คลิกเลย
- ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติ : ไม่ใช่แค่ปลูกผม เพื่อให้มีผมมากขึ้น แต่แพทย์จะใช้ศิลปะในการออกแบบแนวผมที่ดูเป็นธรรมชาติ ผ่านการวางแผนอย่างละเอียด ตั้งแต่การเก็บผมจากด้านหลัง เพื่อกระจายกราฟที่ต้องการย้าย ไม่ให้เป็นกระจุก ซึ่งจะทำให้เห็นรอยแผลได้ชัด การวางแนวผมให้รับกับใบหน้า และยังมีการดีไซน์ทรงร่วมกับผู้รับบริการอีกด้วย
- Hair-Live Technique : ใช้เทคนิคพิเศษเอกสิทธิ์เฉพาะ BLS Hair Center ปลูกผมโดยไม่ต้องรื้อรากผมหรือโกนรากผมด้านหลัง ช่วยให้ผลลัพธ์หลังปลูกผมดูเป็นธรรมชาติ ไม่เสียลุคเดิม
- BLS-After Restroration : BLS Hair Center ที่เดียวที่มีโปรแกรมดูแลเส้นผมและหนังศีรษะประจำตัวบุคคลในระยะยาว สัมผัสความประทับใจได้ตั้งแต่วันแรกหลังปลูกผม ทางคลินิกจะมีบริการสระผมและดูแลเส้นผมโดยเจ้าหน้าที่ประจำคลินิก เพื่อช่วยให้ผู้รับบริการรู้สึกผ่อนคลายหลังทำหัตถการ และช่วยปกป้องเส้นผมที่ปลูกใหม่ ไม่ให้กราฟผมหลุด นอกจากนี้ยังมีบริการฉายแสงกระตุ้นรากผม (LED Hair Growth) เพื่อเสริมให้ผลลัพธ์ของการปลูกผมดียิ่งขึ้น
- เครื่องมือสะอาดและทันสมัย : BLS Hair Center บริการด้วยอุปกรณ์ทางการแพทย์ ที่มีคุณภาพได้มาตรฐานระดับสากล มีการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อก่อนและหลังทำทุกครั้ง
- ปลูกผม FUE ราคาสมเหตุสมผล : การปลูกผม FUE ราคาขึ้นอยู่กับปัญหาของผู้รับบริการ โดยแพทย์จะประเมินตามจริงแบบเคสบายเคส ว่าแต่ละเคสนั้นต้องใช้กราฟผมเท่าไหร่ในการปลูกผม ซึ่ง BLS Hair Center ปลูกผม FUE ราคาคุ้มค่าและสมเหตุสมผล เพราะทุกเคสได้รับการดูแลโดยแพทย์เฉพาะทางปลูกผมอเมริกันบอร์ด ด้วยอุปกรณ์เฉพาะทางการแพทย์ปลูกผม พร้อมเทคนิคพิเศษที่ช่วยในการคำนวณ วางแผนการปลูกผม และการออกแบบเฉพาะบุคคล ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของปลูกผม ให้มีความปลอดภัย ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติ ใช้เวลาน้อยลง แผลเล็ก และไม่ต้องพักฟื้นนาน
คำถามที่พบบ่อย เกี่ยวกับการปลูกผม FUE
ปลูกผม FUE ราคาจะขึ้นอยู่กับปริมาณกราฟผมที่ใช้ในการทำหัตถการ ดังนั้นหากต้องการทราบว่าการปลูกผม FUE ราคาเท่าไหร่? จึงควรปรึกษาแพทย์ เพื่อทำการประเมินปัญหาเส้นผมและหนังศีรษะว่ามีปัญหาผมร่วง ผมบางในระดับไหน จึงจะสามารถคำนวณจำนวนกราฟที่ต้องใช้ และประเมินราคาในการรักษาได้อย่างถูกต้อง สำหรับการปลูกผม ที่ BLS Hair Center สามารถเช็คราคาปลูกผม FUE รวมถึงการปลูกผมถาวรด้วยเทคนิคอื่นๆ ได้ที่ https://bls-haircenter.com/promotion/
การปลูกผม DHI (Direct Hair Implantation) เป็นเทคนิคการใช้ Implanter Pen หรืออุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ใช้ในการปลูกผมโดยเฉพาะ มีลักษณะคล้ายปากกาที่มีส่วนปลายเป็นท่อโลหะขนาดเล็กพิเศษ ใช้สำหรับใส่รากผมกลับเข้าไปยังบริเวณหนังศีรษะ วิธีนี้จะช่วยปกป้องรากผมไม่ให้เกิดความเสียหายและมีสภาพสมบูรณ์มากที่สุดเมื่อนำมาใช้งาน จึงช่วยให้ผลลัพธ์ของการปลูกผมดียิ่งขึ้น ดังนั้นในการปลูกผมถาวร ไม่ว่าเทคนิคใดก็ตาม ทั้งปลูกผม FUE ปลูกผมไม่ต้องโกน หรือปลูกผม FUT ก็สามารถใช้เครื่องมือ DHI ร่วมด้วยได้ทุกเทคนิค
กราฟผม หรือ กอรากผม ประกอบด้วยเส้นผม 1-4 เส้น / กราฟ ขึ้นอยู่กับความหนาแน่นของเส้นผมแต่ละบุคคล ซึ่งบริเวณท้ายทอย (Safe Zone) มักเป็นบริเวณที่มีเส้นผมแข็งแรงและหนาแน่นมากที่สุด เพราะเป็นส่วนที่ได้รับผลกระทบจากฮอร์โมน DHT น้อยกว่าบริเวณอื่น แพทย์จึงมักใช้เส้นผมจากบริเวณท้ายทอยมาปลูกผมบริเวณด้านหน้า โดยจำนวนกราฟที่ใช้การปลูกผม แพทย์จะประเมินจากปัญหาเส้นผมและหนังศีรษะในแต่ละเคส ว่ามีปัญหาผมร่วง ผมบางในระดับใด พร้อมการออกแบบแนวผมให้รับกับใบหน้า และคำนวณปริมาณกราฟผมที่ต้องใช้ ส่วนใหญ่ในการปลูกผมแต่ละครั้ง จะใช้กราฟผมไม่เกิน 3,000 กราฟ
การปลูกผมถาวร สามารถปลูกได้มากกว่า 1 ครั้ง แต่มีข้อจำกัดอยู่ที่จำนวนกราฟผมบริเวณ Safe Zone ที่มีอย่างจำกัด หากทำการย้ายเซลล์รากผมจากบริเวณท้ายทอยมาปลูกผมแล้ว บริเวณด้านหลังก็จะไม่มีผมขึ้นมาอีก ใช้แล้วหมดไป ดังนั้นแพทย์จึงต้องวางแผนในการเลือกกราฟผมอย่างละเอียด และนำมาใช้อย่างคุ้มค่าที่สุด เพื่อให้ผลลัพธ์ของการปลูกผมมีประสิทธิภาพ หลังปลูกผมไม่บางด้านหลัง และยังมีรากผมเหลือเพียงพอสำหรับการปลูกผมในอนาคต
เทคนิคปลูกผมด้วยการย้ายเซลล์รากผม ไม่ว่าจะเป็นการปลูกผม FUE ปลูกผมไม่ต้องโกน หรือปลูกผม FUT จะให้ผลลัพธ์ถาวร โดยเห็นผลตั้งแต่ 4 เดือนขึ้นไป เส้นผมจะเกิดขึ้นใหม่ในบริเวณที่ปลูกผม มีความหนาแน่นและแข็งแรงขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป หลังปลูกผมถาวรแล้ว สามารถฉีดผม PRP กระตุ้นการทำงานของเซลล์รากผม เดือนละครั้ง ในช่วง 3 เดือนแรกร่วมด้วย และเมื่อผมขึ้นดีแล้ว สามารถฉีดผม PRP ต่อเนื่อง ทุก 3-6 เดือน เพื่อให้ผลลัพธ์ชัดเจนและยาวนานมากขึ้นได้
ตามหาคลินิก ปลูกผม (Hair Transplant Clinic) หรือ คลินิก ปลูกผม ใกล้ ฉัน อยู่ใกล้มาง่าย อยู่ใจกลางเมือง และมีหลายสาขา ทั้งคลินิกปลูกผมกรุงเทพ (Hair Transplant Bangkok) และ คลินิก นครปฐม แวะ BLS Hair Center เพื่อปรึกษากับแพทย์เฉพาะทางโดยตรง ฟรี!
BLS Hair Center สาขาคลินิก Stadium One (BTS สนามกีฬาแห่งชาติ)
BLS Hair Center สาขานครปฐม (คลินิกรักษาผมร่วง นครปฐม อยู่ใกล้เซ็นทรัลนครปฐม)
BLS Hair Center สาขาศาลายา (คลินิก ศาลายา ตรงข้าม มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตศาลายา)
Call : 024-609-210 กด 4
Map : https://goo.gl/maps/QWpzvLD9pnFeYHG87